ทำไมต้อง KYC ก่อนเทรดบิทคอยน์
news-251.png
ADMIN May 02, 2021 405

ทำไมต้อง KYC ก่อนเทรดบิทคอยน์

บิทคอยน์ คือ สินทรัพย์ในรูปแบบดิจิทัลที่สามารถซื้อขายหรือส่งต่อกันได้ผ่านทางบล็อกเชนโดยไม่ต้องผ่านตัวกลางอย่างสถาบันการเงิน รวมถึงการทำธุรกรรมต่างฝ่ายจะไม่รู้ชื่อนามสกุลของกันและกันจะรู้เพียงแค่รหัส Wallet ที่ใช้ในการทำธุรกรรมเท่านั้น 

การที่สามารถทำธุรกรรมต่างๆบนบล็อกเชนทำให้เกิดเป็นช่องว่างให้กับมิจฉาชีพนำเอาบล็อกเชนมาใช้เป็นช่องทางในการชำระเงินหรือแลกเปลี่ยนสินค้าที่ผิดกฎหมายเช่น ยาเสพติด ตลอดจนนำไปใช้ในการฟอกเงิน นี่คือสาเหตุที่ทำให้เว็บเทรดหรือ Exchange จำเป็นต้องให้ลูกค้าต้องทำ KYC

 

KYC พื้นฐานของการทำธุรกรรมการเงินในระดับสากล

KYC ย่อมาจาก Know Your Customer หมายถึงตัวกลางอย่างเช่น Exchange จะทำการจัดเก็บข้อมูลของลูกค้าที่เข้ามาสมัครเอาไว้เพื่อที่เวลาเกิดข้อสงสัยในพฤติกรรมการซื้อขายบิทคอยน์หรือสกุลเงินดิจิทัลจะสามารถตามหาตัวตนของลูกค้าจนเจอ

ประเทศที่มีกฎหมายกำกับดูแลธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างเช่นประเทศไทยจะบังคับให้ผู้ประกอบการทุกรายจะต้องทำ KYC กับลูกค้าทุกรายที่เข้ามาสมัคร ถ้าหากไม่ทำ KYC จะไม่สามารถทำธุรกรรมซื้อขายหรือฝากเงินสกุลเงินดิจิทัลได้

ขณะที่ Exchange ในระดับโลกอย่าง Binance ได้กำหนดไว้ว่าลูกค้าที่ทำการ KYC ก็จะสามารถทำธุรกรรมเกี่ยวกับสกุลเงินดิจิทัลได้ถึงระดับ 2 BTC (ประมาณ 3.6 ล้านบาท) ซึ่งหากไม่ได้ทำ KYC ก็จะจำกัดวงเงินในการทำธุรกรรม

ด้วยเทคโนโลยีทำให้การทำ KYC ในปัจจุบันสามารถทำได้โดยง่ายผ่านทางแอปพลิเคชั่นด้วยการถ่ายภาพบัตรประชาชนหรือพาสปอร์ตแล้วแนบไฟล์ส่งมาให้กับทาง Exchange จากนั้นก็รอการอนุมัติซึ่งใช้ระยะเวลาไม่นานหากเราไม่เคยมีพฤติกรรมที่ต้องสงสัยก็จะได้รับการอนุมัติ

ข้อควรระวังในการทำ KYC ก็คือการถ่ายภาพหลักฐานส่วนตัวต่างๆจะต้องมีความชัดเจนสามารถมองเห็นได้ชัดเจน โดยจะต้องถ่ายภาพในสถานที่ซึ่งมีแสงสว่างเพียงพอ เพราะถ้าเราส่งภาพหลักฐานประจำตัวที่ไม่ชัดเจนทาง Exchange อาจจะตีกลับและทำให้เสียเวลาในการรอนุมัตินานออกไปอีก

ส่วนใหญ่แล้วข้อมูลสำคัญที่ทาง Exchange จะทำการเก็บบันทึกจากการทำ KYC ของเราก็คือชื่อนามสกุลและเลขที่ประจำตัวประชาชนหรือเลขที่พาสปอร์ตรวมถึงรหัส Laser ID ซึ่งติดอยู่เฉพาะบัตรประชาชนของแต่ละคน

ทั้งนี้การทำ KYC มีหลายระดับตามวงเงินในการทำธุรกรรมซื้อขายที่เราต้องการ หากเราจะทำธุรกรรมในระดับวงเงินที่สูงอาจต้องทำ KYC ในระดับที่ซับซ้อนเช่นอาจจะต้องถูกสัมภาษณ์โดยเจ้าหน้าที่เพื่อให้มั่นใจได้ว่าไม่มีประวัติการทำผิดทางด้านการเงิน

ตลอดจนอาจจะต้องส่งหลักฐานทางด้านการเงินอย่างเช่น Bank Statement เพื่อที่จะให้ทาง Exchange ได้ทำการวิเคราะห์ธุรกรรมทางการเงินที่ผ่านมาว่าสมเหตุสมผลกับการที่มายื่นขอ KYC หรือไม่ เช่น ที่ผ่านมามีประวัติการทำธุรกรรมการเงินเพียงหลักพันบาท แต่อยู่ๆมาขออนุญาตทำธุรกรรมในวงเงินระดับล้านบาทซึ่งอาจจะมองได้ว่าผิดปกติ

รวมถึงอาจจะต้องส่งหลักฐานทางด้านรายได้หรือมูลค่าสินทรัพย์ส่วนตัวให้กับทาง Exchange นำไปพิจารณา ถ้ากฎหมายในบางประเทศกำหนดคุณสมบัติของผู้ลงทุนในสกุลเงินดิจิทัลว่าต้องมีระดับรายได้ขั้นต่ำตามที่กำหนด

ปัจจุบันนี้การทำ KYC ใช้เวลาลดน้อยลงอย่างมาก นักเทรดทุกคนควรที่จะให้ความร่วมมือในการที่จะทำ KYC ทุกครั้งที่สมัครใช้งาน Exchange เพื่อเป็นการยกระดับมาตราฐานของอุตสาหกรรมสินทรัพย์ดิจิทัลให้อยู่ในระดับเท่าเที่ยมกันกับอุตสาหกรรมการเงินอื่นๆและไม่ให้ตกเป็นข้อสงสัยว่าสกุลเงินดิจิทัลลคือเครื่องมือของการฟอกเงิน

Bitcoin คือ สินทรัพย์ดิจิทัลที่มีมูลค่าในตัวเองสามารถใช้แทนเงินได้และเริ่มได้รับการยอมรับไปทั่วโลก การทำ KYC ก่อนที่จะซื้อขายบิทคอยน์จะเป็นการยกระดับความน่าเชื่อถือของสินทรัพย์นี้ให้เป็นที่ยอมรับมากขึ้น แทนที่จะถูกมองว่าเป็นสื่อกลางในการค้าขายสิ่งกฎหมายหรือใช้เป็นเครื่องมือในการฟอกเงินเหมือนกับภาพลักษณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต

แหล่งที่มา/ต้นฉบับ :

แสดงความคิดเห็น

กดแชร์ตรงนี้