
สกุลเงินดิจิทัล (Cryptocurrency) คืออะไร? เกี่ยวอย่างไรกับ Bitcoin?
Cryptocurrency คือ สกุลเงินในรูปแบบดิจิทัลซึ่งทำงานแบบไร้ตัวกลาง (Decentralized) โดยมีบิทคอยน์เป็นสกุลเงินดิจิทัลแรกที่เกิดขึ้นบนโลก เราไปทำความรู้จักกับ Cryptocurrency ให้ลึกขึ้นผ่านบทความนี้
Cryptocurrency ทำงานแบบไร้ตัวกลาง
สกุลเงินแบบปกติหรือ Fiat Currency ที่เรารู้จักกันเป็นอย่างดีจะถูกสร้างขึ้นโดยธนาคารกลางหรือรัฐบาลของแต่ละประเทศเพื่อใช้เป็นสื่อกลางในการชำระเงินภายในประเทศและการค้าระหว่างประเทศ โดยธนาคารกลางจะเป็นผู้ควบคุมดูแลสกุลเงินของตัวเองให้มีเสถียรภาพเหมาะสมกับสภาวะเศรษฐกิจ
แต่บางประเทศสามารถที่จะควบคุมดูแลสกุลเงินของตัวเองได้โดยเบ็ดเสร็จเช่นประเทศเวียดนามที่สามารถลดค่าเงินของตัวเองได้เพื่อสร้างความได้เปรียบในการส่งออก รวมถึงสหรัฐอเมริกาที่สามารถพิมพ์เงินตัวเองออกมาได้อย่างไม่จำกัดทำให้ที่ผ่านมาระบบการเงินเกิดการแปรปรวนไม่เป็นไปตามราคาตลาดที่แท้จริง
แต่ Cryptocurrency จะทำงานแบบไร้ตัวกลางแม้จะมีผู้สร้างแต่ผู้สร้างจะไม่เข้าไปก้าวก่ายสกุลเงินดิจิทัลของตัวเองมีเพียงแค่การอัพเกรดการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยจะปล่อยสกุลเงินดิจิทัลให้ซื้อขายอยู่บนบล็อกเชนอย่างเสรี
Cryptocurrency มีหลากหลายรูปแบบ
ทั่วไปแล้วหน้าที่ของสกุลเงินปกติจะทำหน้าที่เป็นสื่อกลางในการชำระเงินเท่านั้นแต่ Cryptocurrency จะมีหน้าที่ซึ่งหลากหลายตามแต่เทคโนโลยีที่สร้างขึ้น โดยพอที่จะแบ่งประเภทได้คร่าวๆเช่น สกุลเงินดิจิทัลที่มี Smart Contract ในตัวเองอย่างเช่น Ethereum สกุลเงินดิจิทัลที่สามารถปกปิดความเป็นส่วนตัว (Privacy) เช่น Monero หรือสกุลเงินดิจิทัลที่มีคุณสมบัติหลักในการใช้ชำระเงินแต่มีต้นทุนที่ต่ำเช่น Stellar หรือแม้แต่ Dodgecoin
การที่ Cryptocurrency มีคุณสมบัติที่หลากหลายทำให้ผู้ใช้งานสามารถนำไปใช้งานได้จริงมากกว่าการเป็นเพียงแค่ซื้อขายทำกำไรในระยะสั้นเท่านั้น
สามารถเป็นเจ้าของ Cryptocurrency ได้ด้วยการขุด
วิธีการเป็นเจ้าของสกุลเงินดิจิทัลมีหลากหลายวิธีตั้งแต่การโอนหากันหรือเข้าไปซื้อขายใน Exchange รวมไปถึงวิธีการขุด นอกจากบิทคอยน์ที่สามารถขุดหรือใช้กระบวนการ Proof Of Work ในการเป็นเจ้าของได้แล้ว Cryptocurrency บางสกุลยังสามารถใช้วิธีการขุดเพื่อให้ได้มาเป็นเจ้าของได้เช่นกันอย่างเช่น Ethereum
อย่างไรก็ตาม Cryptocurrency หลายสกุลได้ทำการอัพเกรดตัวเองและเปลี่ยนรูปจากการขุดมาเป็น Proof Of Stake หรือการช่วยยืนยันการทำธุรกรรมผ่านการวางเหรียญนั้นๆมาค้ำประกันไว้บนระบบ หรือวิธีที่เรียกว่า Staking ซึ่งสามารถสร้างผลตอบแทนในรูปแบบ Passive Income ได้
Cryptocurrency มีกลไกราคาในตัวเอง
การที่สกุลเงินดิจิทัลทำงานแบบไร้ตัวกลางหรือ Decentralized ทำให้ผู้สร้างต้องกำหนดนโยบายการควบคุมดูแลซัพพลายของเหรียญขึ้นมาตั้งแต่แรกเพื่อเป็นนโยบายให้ผู้ใช้งานรับรู้ตั้งแต่แรก เช่น กำหนดว่าจะมีซัพพลายที่จำกัดชัดเจนไม่สามารถสร้างเพิ่มขึ้นได้อีกหรือมีการลดซัพพลายลงตามระยะเวลาที่กำหนดเพื่อเพิ่มมูลค่าของเหรียญให้สูงขึ้น เช่น BNB หรือ Binance Coin ที่กำหนดนโยบายให้มีการเผาเหรียญทิ้งทุกๆไตรมาสเพื่อลดจำนวนเหรียญ ส่งผลให้ราคาเหรียญเติบโตอย่างต่อเนื่อง
Cryptocurrency ในรูปแบบของโทเคนดิจิทัล
สกุลเงินดิจิทัลสามารถแยกแยะได้สองรูปแบบคือเหรียญ (Coin) ซึ่งมีนิยามคือเป็น Cryptocurrency ที่ทำงานบนบล็อกเชนของตัวเองเช่นบิทคอยน์ แต่จะมีสกุลเงินดิจิทัลอีกรูปแบบก็คือโทเคนดิจิทัลซึ่งมีรูปแบบการทำงานเฉพาะตัวโดยอาจจะทำงานอยู่บนบล็อกเชนของเหรียญอื่นๆ
ตัวอย่างเช่นโทเคนดิจิทัลที่มีสินทรัพย์จริงหนุนหลังเช่นหุ้น อสังหาริมทรัพย์ หรือที่เรียกว่า Asset Back Token แม้ว่าจะเป็นสินทรัพย์ที่มีการควบคุมดูแลไม่ได้อยู่ในรูปแบบ Decentralized แต่ก็สามารถซื้อขายกันได้อย่างอิสระผ่านบล็อกเชน
Cryptocurrency คือ นวัตรกรรมการเงินในยุคดิจิทัลอย่างแท้จริงไม่ใช่เป็นเพียงแค่สินทรัพย์การลงทุนที่ถูกนำมาใช้เก็งกำไรเท่านั้นและเป็นทางเลือกในการใช้งานที่มีต้นทุนต่ำและสามารถใช้งานได้ทั่วโลก แม้จะไม่ได้มีเจตนาเข้ามาแทนที่สกุลเงินดั้งเดิมทั้งหมดแต่ถือว่าเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ใช้งานในยุคดิจิทัล
แหล่งที่มา/ต้นฉบับ :
แสดงความคิดเห็น