
เคล็ดลับ 11 ข้อในการป้องกันตัวเองจากสแกมเมอร์
หากคุณเป็นนักเทรดแบบ P2P ที่มีประสบการณ์ มีโอกาสสูงที่คุณจะเคยพบกับการหลอกลวงในระบบ P2P ที่มีเป้าหมายเพื่อขโมยทรัพย์สินหรือข้อมูลส่วนตัวของคุณ หากคุณยังใหม่กับการเทรดแบบ P2P โปรดอ่านบทความนี้และเรียนรู้จากประสบการณ์ของผู้อื่น
การเทรดแบบ P2P มีความเสี่ยงในตัวของมันเอง ซึ่งก่อนหน้านี้เราได้กล่าวถึงในบทความชื่อ 4 ข้อผิดพลาดทั่วไปในการซื้อขายแบบ Peer-to-Peer ที่ควรหลีกเลี่ยง และ Binance P2P: ซื้อขาย Bitcoin อย่างปลอดภัยด้วยคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญเราขอแนะนำให้คุณอ่านบทความทั้งสองนี้เพื่อทำความเข้าใจว่าเหตุใด P2P จึงต้องอาศัยการตระหนักรู้และการป้องกันก่อนที่คุณจะดำเนินการบางอย่างเพื่อหลีกเลี่ยงสแกมเมอร์
ด้วยความร่วมมือกับ Binance P2P และทีมงานด้านความปลอดภัย เราได้สร้างบทความนี้พร้อมบอกเคล็ดลับ 11 ข้อในการป้องกันตัวเองจากสแกมเมอร์เมื่อต้องเทรดแบบ P2P มาดูเคล็ดลับกันเลย
เคล็ดลับข้อที่ 1: ใช้แพลตฟอร์มที่เชื่อถือได้ที่มี KYC
ข้อบังคับ Know Your Customer (KYC) ไม่ใช่ส่วนที่ได้รับความนิยมสูงสุดในการซื้อขายคริปโตแต่เราจำเป็นต้องปฏิบัติตามข้อบังคับเหล่านี้ และในขณะเดียวกันข้อบังคับเหล่านี้ยังช่วยเราปกป้องคุณจากสแกมเมอร์อีกด้วย นักเทรด Binance P2P ทุกคนจะต้องทำการยืนยันตัวตนขั้นพื้นฐานซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงในการทำธุรกรรมกับบัญชีปลอมหรือผู้ที่ขโมยตัวตนของผู้อื่นมา
เคล็ดลับข้อที่ 2: ใช้อีเมลและรหัสผ่านที่ไม่ซ้ำกันสำหรับบัญชี P2P ของคุณ
เราทราบดีว่าการจำอีเมลและรหัสผ่านทั้งหมดนั้นยากเพียงใด ดังนั้น จึงสะดวกกว่าที่จะใช้อีเมลและรหัสผ่านเดียวกันสำหรับบัญชีทั้งหมดของเรา อย่างไรก็ตาม นี่เป็นพฤติกรรมที่อันตราย เนื่องจากการละเมิดบัญชีหรือเว็บไซต์เพียงหนึ่งบัญชีอาจทำให้บัญชีอื่นๆ ของคุณเสียหายไปด้วย นั่นเป็นเพราะคุณใช้อีเมลหรือรหัสผ่านเดียวกัน
การสร้างที่อยู่อีเมลใหม่ใช้เวลาเพียงไม่กี่นาที และผู้ให้บริการอีเมลหลายรายจะสร้างที่อยู่อีเมลให้คุณฟรี เช่น Gmail, ProtonMail หรือ Outlook เป็นต้น
ในการสร้างและจัดเก็บรหัสผ่านที่ไม่ซ้ำใครและมีความปลอดภัย คุณสามารถใช้ตัวจัดการรหัสผ่านตัวใดตัวหนึ่งได้ฟรี เช่น LastPass, Bitwarden หรือ Dashlane
เคล็ดลับข้อที่ 3: อย่าเปิดเผยข้อมูลที่ละเอียดอ่อนของคุณ
วิธีที่ง่ายที่สุดในการขโมยเงินของใครบางคนก็คือ การได้รายละเอียดในการเข้าสู่ระบบของพวกเขา และจะง่ายยิ่งขึ้นหากเจ้าของบัญชีเต็มใจแบ่งปันรายละเอียดเหล่านี้กับแฮ็กเกอร์ อย่าเปิดเผยรายละเอียดการเข้าสู่ระบบของคุณกับคู่สัญญา และอย่าให้รหัสผ่านของคุณกับใครเด็ดขาด รวมไปถึงฝ่ายบริการลูกค้าด้วย ฝ่ายบริการลูกค้าของ Binanace จะไม่ถามรหัสผ่านของคุณ และหากมีใครถาม คุณสามารถมั่นใจได้ว่าพวกเขาเป็นผู้ประสงค์ร้าย
เคล็ดลับข้อที่ 4: เข้าเว็บไซต์ Haveibeenpwned.com เป็นประจำเพื่อตรวจสอบการรั่วไหลของข้อมูลที่อาจเกิดขึ้น
Haveibeenpwned.com ให้บริการบุคคลทั่วไปในการป้อนที่อยู่อีเมลเพื่อตรวจสอบว่าที่อยู่อีเมลนี้รั่วไหลเนื่องจากการละเมิดข้อมูลหรือไม่ สิ่งนี้มีความสำคัญมากเพราะเมื่อเกิดการละเมิดขึ้น โดยปกติแล้วไม่ใช่แค่ที่อยู่อีเมลที่รั่วไหล แต่บ่อยครั้งที่มีการรั่วไหลของรหัสผ่าน รายละเอียดส่วนตัว และแม้แต่รายละเอียดการชำระเงินหรือการจัดส่งด้วย
เข้าไปที่ haveibeenpwned.com ป้อนอีเมลของคุณและตรวจสอบว่าคุณตกเป็นเหยื่อของแฮ็กเกอร์หรือไม่ หากคุณพบว่าที่อยู่อีเมลของคุณถูกละเมิดข้อมูล ให้อัปเดตรหัสผ่านทั้งหมดของคุณทันทีและเพิ่มมาตรฐานความปลอดภัยของคุณโดยเปิดใช้งาน 2FA หากเป็นไปได้
เคล็ดลับข้อที่ 5: อย่าเทรดนอกแพลตฟอร์ม P2P
อาจมีบางครั้งที่คู่สัญญาขอให้คุณทำการเทรดต่อนอกแพลตฟอร์มการเทรด พวกเขาจะโต้แย้งว่าวิธีนี้จะช่วยให้คุณทั้งสองสามารถประหยัดค่าธรรมเนียมได้ (Binance P2P ไม่มีค่าธรรมเนียม) แต่กรณีส่วนใหญ่ นี่คือวิธีการที่สแกมเมอร์ใช้เพื่อพยายามล่อลวงคุณออกจากระบบความปลอดภัยของ Binance P2P เมื่อคุณเริ่มติดต่อกับคู่สัญญาภายนอก Binance P2P เราจะไม่สามารถปกป้องหรือช่วยเหลือคุณแก้ปัญหาใดๆ ที่อาจเกิดขึ้นเนื่องจากการติดต่อนี้ได้
เคล็ดลับข้อที่ 6: บุ๊กมาร์กเว็บไซต์ P2P ไว้
ความนิยมที่เพิ่มขึ้นของคริปโตเคอร์เรนซีจะดึงดูดสแกมเมอร์ที่พัฒนาวิธีการแปลกใหม่ไม่ซ้ำใครในการขโมยทรัพย์สินและข้อมูลของคุณ วิธีการหนึ่งคือเว็บไซต์ฟิชชิงปลอม
เว็บไซต์เหล่านี้จะแอบอ้างว่าเป็นแพลตฟอร์มการเทรดแบบ P2P หรือ Wallet คริปโตของแท้ แล้วหลอกล่อให้คุณเชื่อว่าคุณกำลังติดต่อกับเว็บไซต์เหล่านั้นจริงๆ ระบบจะขอให้คุณป้อนรายละเอียดการเข้าสู่ระบบหรือ Recovery Seed แต่จะไม่มีอะไรเกิดขึ้นเมื่อคุณทำเสร็จแล้ว นั่นหมายความว่าคุณเพิ่งให้รายละเอียดกับแฮ็กเกอร์ไป และทรัพย์สินของคุณก็ตกอยู่ในความเสี่ยงทันที
จะเป็นการดีที่สุดหากคุณหมั่นตรวจสอบอยู่เสมอว่าคุณกำลังเข้าชม URL ที่ถูกต้องและไม่มีการพิมพ์ผิดหรืออักขระที่ผิดปกติใน URL วิธีที่ง่ายที่สุดในการหลีกเลี่ยงปัญหานี้คือ ให้บุ๊กมาร์กแพลตฟอร์มการเทรดและ Wallet ที่คุณเข้าใช้บ่อยและหลีกเลี่ยงการป้อน URL ด้วยตนเอง
เคล็ดลับข้อที่ 7: หากการเทรดนั้นฟังดูดีเกินจริง ก็อาจจะไม่ใช่เรื่องจริงก็ได้
คุณสามารถใช้เวลาเพียงไม่นานในการตรวจสอบข้อเสนอการเทรดที่คุณไม่อาจปฏิเสธได้ นั่นคือการเทรดที่มีค่าธรรมเนียมต่ำ ราคาที่มักจะต่ำกว่าราคาตลาด และมีวิธีการชำระเงินที่หลากหลาย ทั้งหมดนี้ล้วนฟังดูดีเกินจริง
ผู้ที่ประสงค์ร้ายมักโพสต์โฆษณาที่น่าดึงดูดใจเพื่อล่อให้มือใหม่และนักเทรดที่ไม่ค่อยมีประสบการณ์เข้ามาเทรด ซึ่งพวกเขาจะพยายามขโมยเงินหรือข้อมูลของคนเหล่านั้น จงใช้สามัญสำนึก ทุกคนเข้ามาเทรดเพื่อทำกำไร ดังนั้นทำไมพวกเขาจึงต้องเทรดในจุดที่ขาดทุน
เคล็ดลับข้อที่ 8: เทรดกับผู้ค้าที่ยืนยันตัวตนแล้ว
หากคุณเป็นมือใหม่ เราขอแนะนำให้คุณเทรดกับผู้ค้าที่ยืนยันตัวตนบน Binance P2P แล้ว ซึ่งคุณสามารถระบุได้อย่างรวดเร็วด้วยป้ายสีเหลือง ผู้ค้าเหล่านี้ผ่านการตรวจสอบเพิ่มเติม วิดีโอการจดจำใบหน้า การพิสูจน์ประสบการณ์ทางการค้า การพิสูจน์ชื่อเสียงและความพึงพอใจของลูกค้าในตลาดแลกเปลี่ยนอื่นๆ เป็นต้น ซึ่งสิ่งเหล่านี้สามารถพิสูจน์ประสบการณ์การเทรดแบบ Peer to Peer ของพวกเขาได้
เคล็ดลับข้อที่ 9: เทรดกับผู้ใช้ที่มีผลตอบรับเชิงบวกและอัตราทำธุรกรรมสำเร็จสูง
เราเพิ่งเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ให้กับแพลตฟอร์ม Binance P2P ขณะนี้ผู้ใช้สามารถแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับคู่ค้าของตนเพื่อช่วยให้ผู้ใช้รายอื่นเลือกผู้ค้าที่ดีที่สุด อ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับฟีเจอร์แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่
นี่คือตัวบ่งชี้ที่สามารถช่วยคุณค้นหาผู้ค้าที่ดีที่สุด:
-
เทรดกับผู้ค้าที่มีการวางเงินประกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกองทุน Escrow เพื่อให้มั่นใจว่าจะไม่มีการโกงหรือ Wash Trading (การปั่นปริมาณซื้อขาย) ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับการสูญเสียทรัพย์สิน Fiat หรือคริปโตหากมีเงินประกันนี้
-
ตรวจสอบ Order และจำนวนธุรกรรมที่เสร็จสิ้นทั้งหมดของพวกเขา
-
ตรวจสอบประวัติ Order ในช่วง 30 วัน จำนวนธุรกรรมที่เสร็จสมบูรณ์ในช่วง 30 วันที่ผ่านมา และอัตราทำธุรกรรมสำเร็จในช่วง 30 วัน ซึ่งคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ของธุรกรรมที่เขาได้เริ่มต้นและดำเนินการสำเร็จในช่วง 30 วันที่ผ่านมา
-
ระยะเวลาปล่อยคริปโตโดยเฉลี่ย (Average release time) คือระยะเวลาที่ผู้ขายมักใช้ในการปล่อยคริปโต
-
ระยะเวลาชำระเงินโดยเฉลี่ย คือระยะเวลาที่ผู้ค้ามักใช้ในการโอนเงิน
โดยปกติสแกมเมอร์ไม่มีเวลาสร้างชื่อเสียงหรือทำธุรกรรมสำเร็จในอัตราที่สูง รวมถึงปล่อยและชำระเงินได้ในระยะเวลาอันสั้น หากคุณสนใจเคล็ดลับเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีการเลือกข้อเสนอที่ดีที่สุด ให้ลองอ่านบทความ เคล็ดลับ 5 ข้อในการเลือกข้อเสนอที่ดีที่สุดเมื่อคุณซื้อ Bitcoin ทาง Binance P2P
เคล็ดลับข้อที่ 10: ยกเลิกการเทรดหากคุณคิดว่าคู่สัญญาเป็นสแกมเมอร์
มีข้อบ่งชี้บางประการที่สามารถระบุว่าคู่สัญญากำลังพยายามหลอกลวงคุณอยู่ เช่น การใช้ภาษาที่ไม่เหมาะสมหรือก้าวร้าวในการแชทภายในแพลตฟอร์ม พวกเขากดดันให้คุณปล่อยคริปโต/เงินอย่างรวดเร็ว พยายามเจรจาปริมาณการค้าที่แตกต่างจากที่ตกลงกันไว้ ขอให้คุณจ่ายค่าธรรมเนียม (Binance P2P มีค่าธรรมเนียมเป็น 0) หรือขอกู้เงินจากคุณ เป็นต้น
เราขอแนะนำให้คุณอ่านนโยบายการทำธุรกรรมของผู้ใช้ เราทราบดีว่าข้อมูลทางกฎหมายไม่ใช่สิ่งที่จะอ่านได้ง่ายที่สุด แต่นี่เป็นเรื่องเกี่ยวกับเงินของคุณ คุณต้องเข้าใจว่าสิทธิและความรับผิดชอบใดที่มาพร้อมกับการเทรดแบบ P2P
เคล็ดลับข้อที่ 11: ตรวจสอบว่ารายละเอียดของผู้ค้าตรงกัน
ตรวจสอบซ้ำให้แน่ใจเสมอว่าบุคคลที่คุณเทรดด้วยมี ID เดียวกันกับคนที่คุณส่งเงินไปให้ เรากำหนดให้ชื่อเจ้าของบัญชีในวิธีการชำระเงินที่ผู้ค้าใช้เหมือนกับชื่อจริงของผู้ค้า (ชื่อ KYC) บน Binance
หากคุณพบว่ารายละเอียดของคู่สัญญาหรือรายละเอียดของคุณเองไม่ตรงกัน โปรดติดต่อฝ่ายบริการลูกค้าของ Binance และขอการตรวจสอบจากฝ่ายต่างๆ ทันที
ไม่มีวิธีใดที่สามารถป้องกันตัวคุณจากสแกมเมอร์และแฮ็กเกอร์ได้อย่างสมบูรณ์ แต่คุณสามารถเพิ่มโอกาสในการหลีกเลี่ยงการโจมตีดังกล่าวได้อย่างมากโดยการตระหนักรู้และศึกษาหาความรู้ ตอนนี้คุณรู้เคล็ดลับ 11 ข้อในการป้องกันตัวเองจากสแกมเมอร์แล้ว อยากจะมีความรู้มากขึ้นไหม สถานที่ที่ดีที่สุดในการเพิ่มพูนความรู้ด้านความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของคุณคือ Binance Academy ลองเข้าไปดูสิ!
แหล่งที่มา/ต้นฉบับ :
แสดงความคิดเห็น