
Leveraged token อีกหนึ่งทางเลือกแทนตลาด Futures
นักเทรดบิทคอยน์ที่เล่นในตลาด Spot คงเคยเห็นเหรียญหน้าตาแปลกๆ เช่น BTCUP และ BTCDOWN เหรียญพวกนี้คือ Leveraged token ซึ่งพูดง่ายๆ หมายถึงการทำให้การเปิด Position ของ Futures มาอยู่ในรูปแบบเหรียญแทนซึ่งหนึ่งในข้อดีที่สำคัญของ Leveraged Token คือไม่มีการ Liquidation หรือการบังคับปิดสัญญาและยังสามารถเล่นได้ทั้งขาขึ้นและขาลง น่าสนใจยังไงเราจะมาดูกันในบทความนี้
Leveraged token เกิดมาจากอะไร
Leveraged token นั้นจะอ้างอิงจากราคาเหรียญนั้นๆ BTCUP หมายถึงเหรียญ BTC ที่มูลค่าจะเพิ่มหากราคา BTC ขึ้นหรือคล้ายๆ Long position นั่นเอง และเช่นเดียวกัน BTCDOWN อ้างอิงราคาจาก BTC และหากราคา BTC ลงมูลค่าเหรียญนี้จะเพิ่มขึ้นคล้ายกับ Short position นั่นเองนอกจากนี้ Leveraged token ยังมีตัวคูณ (Leveraged) เปลี่ยนแปลงไปมาระหว่าง 1.25x และ 4x แต่โดยปกติแล้วจะคงที่อยู่ที่ 3x พร้อมกับระบบ Rebalancing ที่จะปรับตามอัลกอริทึ่มของ Binance เพื่อรักษาสมดุลทำให้ Leveraged token นั้นเป็นเหรียญที่มีค่าตอบแทนสูงแบบ Futures แต่ไม่ต้องเสี่ยงกับการโดน Liquidate และไม่ต้องมี Maintenance margin
ใน Binance นั้นจะเรียกว่าจะเรียกว่า Binance Leveraged Tokens (BLVT)
โดย Binance Leveraged Tokens (BVLT) นั้นจะทำการเทรดกันที่ตลาด Spot โดยนักเทรดบิทคอยน์นั้นสามารถเลือกไปที่ ETF จะเจอกับสกุลเงินที่มีในรูปแบบ Leverage Tokens ทั้งหมด อย่างที่กล่าวไปว่า Leveraged Tokens นั้นมี Leverage ที่จะคงที่อยู่ที่ 3x นั่นหมายความว่าถ้าเราเลือกซื้อ BTCUP ที่ 100 USDT แล้วราคานั้นขึ้นไปที่ 3% ให้เราคูณเข้าไปอีก 3 เท่ากับมูลค่าจะเพิ่มขึ้นมาที่ 9% ซึ่งเท่ากับ 109 USDT แต่ยังมีเรื่องสำคัญที่นักเทรดบิทคอยน์ต้องเข้าใจเกี่ยวกับ Leveraged Tokens นั่นคือผลกระทบในระยะยาวของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ (Net Asset Value หรือ NAV) อย่างที่ยกตัวอย่างข้างบน ว่าหากในวันแรกราคาเพิ่มที่ 3% นั้นรวม Leverage จะกลายเป็น 9% = 109 USDT แต่หากว่าในวันต่อมาราคาลงไป 3% รวมกับ Leverage จะเท่ากับ 9% แต่ผลกระทบที่เกิดขึ้นคือ 9% ที่เกิดขึ้นที่หลังนั้นจะคิดเปอร์เซ็นต์จากมูลค่าปัจจุบัน ซึ่งหมายถึงมูลค่าที่ลดลงเป็น 9% ของ 109 จะเท่ากับ 9.81 หรือเรียกอีกอย่างว่า Volatility decay โดยจะเห็นได้ชัดว่าในระยะเวลาที่มากขึ้นนั้นมีผลกับตัวคูณที่คงที่มันอาจส่งผลกระทบได้มากกว่าที่เราคิด เพราะฉะนั้นเราควรรวมส่วนนี้เข้าไปเวลาเราคำนวณความเสี่ยงด้วย
Leveraged Tokens มีแค่ใน Binance เท่านั้นที่ support
Leveraged Tokens นั้นไม่ได้อยู่บน Blockchain เนื่องจากเป็นการเปิด Position ในรูปแบบเหรียญ Leveraged Tokens จึงยังไม่สามารถโอนไปยัง Wallet ส่วนตัวของเราได้ และในปัจจุบันยังไม่สามารถโอนไปยัง Exchange อื่นได้ เนื่องจากมีแค่ใน Binance เท่านั้นที่ support
ด้วยความที่ Leveraged Tokens นั้นไม่สามารถโอนไปที่ไหนได้การแลก Tokens ไปเป็นเหรียญอื่นๆ นั้นจึงสามารถทำได้บน Binance เท่านั้น โดยจะมีให้เลือก 2 แบบคือ
-
ขายหรือเทรดโดยตรงในตลาด Spot เลย โดยเราต้องเสียค่าธรรมเนียม 0.1% ตามปกติ และเนื่องจากเป็นการเปิด Position จึงมี Management fee อีก 0.01% ต่อวัน
-
Redeem ซึ่งวิธีนี้นั้นจะได้เป็น USDT กลับมาตามมูลค่าของ Tokens ณ ขณะนั้น และเราต้องเสียค่าธรรมเนียม Redemtion fee 0.1% จากมูลค่า Tokens ของเรา
วิธีที่แนะนำให้ใช้คือวิธีที่ 1 ด้วยความที่เรียบง่ายกว่ามาก วิธีที่ 2 เป็นเพียงอีกหนึ่งทางเลือกในกรณีที่ตลาดมีเหตุการณ์ใดใดก็ตามที่ไม่ปกติเกิดขึ้นเท่านั้น
หมายเหตุ Tokens เป็นการเปิด Position แต่เราไม่จำเป็นต้องเสียค่า Funding fee อย่างไรก็ตามเราควรจะนำเข้ามาพิจารณาด้วย เนื่องจาก Funding fee นั้นมีผลต่อราคาในตลาด Futures
ข้อดีของ Leveraged Tokens
-
สามารถเลือกเทรดได้ทั้งตลาดขาขึ้นและตลาดขาลง
-
สามารถเพิ่มมูลค่าของกำไรได้
-
ไม่ต้องกังวลเรื่องการโดน Liquidate หรือกังวลเรื่องต้องมี Maintenance margin
-
เทรดง่ายไม่ซับซ้อนเหมือนตลาด Futures เพราะเป็นการเทรดบน Spot
-
ไม่มีดอกเบี้ยและไม่มีค่าธรรมเนียมซับซ้อนแบบ Futures
ข้อเสียของ Leveraged Tokens
-
เนื่องจากไม่ได้อยู่บน Blockchain จึงไม่สามารถโอนไปเก็บ Wallet ส่วนตัวได้
-
มีตลาดให้เลือกน้อย (ปัจจุบันมีแค่ Binance)
-
Tokens ยังไม่ครอบคลุมทุกเหรียญ
-
จาก Volatility decay นั้น ไม่เหมาะกับการถือ Leveraged Tokens ยาวๆเหมาะกับการเล่นระยะสั้นมากกว่า
จากข้อมูลทั้งหมดคงทำให้นักเทรดบิทคอยน์หลายคนอยากจะลองใช้งานเจ้า Leveraged Tokens กันอย่างแน่นอน แต่ถึงเราจะไม่เสี่ยงกับการโดน Liquidate ก็ตาม Leveraged Tokens นั้นยังมีความเสี่ยงอื่นๆ ที่อาจทำให้เราขาดทุนได้ นักเทรดบิทคอยน์ทุกคนควรที่จะหาข้อมูลด้วยตัวเองทุกครั้ง ก่อนจะลงทุนใดๆ
แหล่งที่มา/ต้นฉบับ :
แสดงความคิดเห็น